Posts

ครั้งแรกกับคดีไม้พะยูงครับ

  ผมได้รับการติดต่อทำคดีไม้พยูง  ประสบการณ์แรก ประหม่า ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน รับคดีเอาไว้ก่อนแล้วไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ตอนแรกผมถามลูกความก่อนเลยว่าต้องการอะไร อยากได้แบบไหน เหมือนเป็นการ trade off ไปในตัว เราจะได้หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น ตรงจุด ชัดเจน  ผมทำการค้นคว้า ห้องสมุด ซื้อหนังสือ พอสมควร เช่น  พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 ผู้เขียน ยืนหยัด ใจสมุทร ก่อนที่จะค้นคว้า ผมอ่านข้อเท็จจริงในคดีก่อน ดังนี้ครับ 1. คำฟ้องของอัยการ ใช้กฎหมายตัวไหนบ้าง ของผมจะเป็น ฐานความผิดร่วมกันทำไม้ หรือ ทำอันตรายแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต,  ร่วมกันทำไม้หรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเก็บหานำออกไป ทกด้วยประการใดๆให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม้ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง) แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ผมอ่านข้อเท็จจริงทั้งหมดในสำนวน รูปแบบการกระทำความผิด ก่อน-ขณะ-หลัง การกระทำผิด ผมอ่านสำนวนครั้งแรกเหมือนไก่ตาแตก งง ไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยเรียนมาก่อน ในชั้นปริญญาตรี เลยแก้ปัญหาด้วยการซื

เทคนิคปฏิเสธ ไม่เข้าค้ำประกัน

ปัญหาที่ผมพบเจอในฏีกาต่างๆ หรือการเรียนในคลาส คือ ลูกหนี้ลอยตัวหนี้ปัญหา ผู้ค้ำประต้องรับผิดแทนลูกหนี้ที่แท้จริงตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้ คนทั่วไปจึงมักพูดว่าอย่าไปค้ำประกันให้ใคร ผมจึงอยากบอกเล่าการเลี่ยงทำสัญญาค้ำประกัน 1. ขอเข้าค้ำประกัน รับผิดอย่างจำกัดจำนวนเงินได้ไหม ในสัญญาอาจให้เรารับผิดเป็น แสน ล้าน เราก็ยื่นข้อเสนอไปเลยว่า ขอรับผิดแค่ 50000 หรือจำนวนตามแต่สะดวก 2. อย่าไปค้ำประกันคนเดียวในสัญญาฉบับเดียว ยื่นข้อเสนอไปเลยว่า เพิ่มจำนวนผู้ค้ำประกันอีกได้ไหม เพื่อกระจายความเสี่ยงความรับผิดให้ผู้ค้ำประกันรายอื่นๆบ้าง หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ขึ้นมาจริงๆ ผู้ค้ำก็จะช่วยกันรับผิดได้ 3. มองไปที่ลูกหนี้ด้วยว่า มีที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำหลัทรัพย์ของตนเองเป็นประกันในสัญญาด้วย 4. ค้ำประกัน คนเข้าทำงาน เช่น ควรค้ำประกันตามตำแหน่งงานเฉพาะนั้นๆไป หากวันหนึ่งหากวันใดลูกหนี้ เลื่อนตำแหน่งอื่นๆ ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากสัญญาค้ำประกันทันที

ข้อแตกต่างผู้รับอาวัลกับผู้ค้ำประกัน

บันทึกการเรียน วันที่ 11 July 2019 หากดูมาตรา 938 กับ มาตรา 680 มีข้อแตกต่างหลักกฎหมายต่างกันคือ 1. การรับอาวัล เขียนลงในตั๋วเงินโดยเฉพาะ ด้วยคำว่า “ใช้ได้เป็นอาวัล” หรือ ข้อความอื่นๆที่มีความหมายอย่างเดียวกัน ส่วนสัญญาค้ำประกัน ตกลงกันด้วยปากเปล่าได้ หรือไม่ต้องทำเป็นหนังสือ สัญญาค้ำประกันก็มีผลสมบูรณ์ หากแต่จะฟ้องร้องผู้ค้ำประกันให้มีความรับผิดชอบ เจ้าหนี้จะต้องมีหลักฐานเอกสาร ลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน * ฉะนั้นมูลความสมบูรณ์ของสัญญาต่างกัน 2. ผู้รับอาวัลจะต้องรับผิดในฐานะอย่างเดียวกับลูกหนี้ชั้นต้นหรือพูดอีกอย่างคือ ลูกหนี้ร่วม ส่วนสัญญาค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันรับผิดในฐานะลูกหนี้ชั้นที่สอง จะใช้คำว่าลูกหนี้ร่วมไม่ได้ 3. ผู้รับอาวัลเมื่อเกิดความรับผิด ต้องรับผิดต่อผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งรับตั๋วมาด้วยความสุจริต ส่วนในสัญญาค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้เพียงผู้เดียว

การทำให้สัญญากู้เงินสมบูรณ์

บทความนี้ก็จะมีประโยชน์กับผู้ให้กู้มากกว่า เพราะจุดมุ่งหมายของผู้ให้กู้คือ ได้เงินต้นคืน พร้อมดอกเบี้ยคืน 1. การกู้เงินกว่า 2000 บาท ขึ้นไป เช่น 2000 2001 ............ต่อไปเรื่อยๆ จะทำโดยมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมหรือทำเป็นหนังสือ และ  ลงลายมือชื่อลูกหนี้ทุกครั้ง 2 ห้ามคิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี และหากเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเกิน ดอกเบี้ยนั้น ตกเป็นโมฆะ หรือถือว่าไม่มีดอกเบี้ยในสัญญาเลย หน่ำซ้ำดอกเบี้ยที่คิดเกินอาจถูกไปหักกับต้นเงิน 3. และสุดท้ายนี้สำคัญมาก สัญญากู้จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ เจ้าหนี้ส่งมอบเงินให้กับลูกหนี้ ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ตกลงกัน  อย่างไรถึงจะเรียกว่าการส่งมอบ ตัวอย่างเช่น 3.1 การส่งมอบโดยทางอ้อมหรือโดยปริยาย หรือพูดอีกอย่างคือ การแลกสิ่งของที่มีค่าตีราคาเป็นเงิน แล้วแลกเปลี่ยน แทนการส่งเงิน หรือ การแปลงหนี้ใหม่เช่น จากสัญญาซื้อขายเปลี่ยนเป็นสัญญากู้เงิน  คุณจะเห็นว่าตอนแรกทำสัญญาซื้อขายที่ดินหรือรถมอเตอร์ไซ สุดท้ายเลยเปลี่ยนเป็นสัญญากู้ สาเหตุอาจมาจากความสะดวกของเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ไม่สามารถหาเงินมาชำระสัญญาซื้อขายเดิมได้ หรือ การวางเงินมัดจำในการซื้อที่ดินหรือสังหาร

บัตรเครดิตถูกขโมย

วันนี้อ่านข่าว เจ้าของบัตรเครดิตถูกขโมยจากอดีตคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งถูกไล่ออกจากงานไปแล้ว แต่ขโมยบัตรเครดิตเก็บเงียบไว้ ไม่บอกใคร ซึ่งแน่นอนครับ เธอตกเป็นผู้ต้องหาในทันที เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวแล้วเข้าแจ้งความ  ข้อเท็จจริง เธอกล่าวว่า หลังจากถูกไล่ออกจากงาน ซึ่งแน่นอนฮะ เธอต้องลักขโมยเอาทรัพย์ของนายจ้างไป กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และเป็นไปได้สูงมากที่เธอจะทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มโนภาพเอา ผมเห็นว่า เธอเป็นคนรับใช้ รู้รายละเอียด พฤติกรรม นิสัยของนายจ้างดีอยู่แล้ว เก็บของยังไง และยิ่งเป็นอาชีพที่ต้องให้ความไว้วางใจพอสมควร เธอจึงลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น  เธอทำความเสียหายอย่างไรบ้าง เธอใช้บัตรเครดิตนั้นรูดซื้อสินค้า อยู่เกือบครึ่งปี เหตุที่ผู้เสียหายรู้ตัวช้าเพราะบัตรเครดิตนั้น ใช้ร่วมกันกับ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายบริษัท คงเป็นบริษัทขนาดเล็กจึงใช้จ่ายร่วมกันแบบนี้  ท้ายที่สุดฝ่ายบัญชี พบการจ่ายเงินหรือหนี้บัตรเครดิตผิดปกติ จึงได้เริ่มดำเนินการร้องทุกข์ เพิ่มเติม การใช้บัตรเครดิตของผู้อื่นนั้นโดยมิชอบ จนน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายหรือเกิดความเสียหายแล้ว ผ